วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

สาระน่ารู้ ที่ควรรู้เข้ามาดูกันเยอะๆนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบ ..^____^



ผักธรรมดาที่เรานิยมนำไปประกอบอาหารอย่าง “ผักกาด” นั้น ความจริงแล้วผักชนิดนี้ถูกจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่สามารถรักษาโรคได้มากมายทีเดียว ที่หลายท่านอาจคาดไม่ถึง

ผักกาดนั้นมีอยู่สองประเภท คือ ประเภทกินใบ ได้แก่ ผักกาดขาว ผักกาดดำ และประเภทกินดอก เช่น กะหล่ำดอก ซึ่งในผักกาดจะอุดมไปด้วยสารที่ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ในอดีตมักจะคั้นเอาน้ำสด ๆ ใช้อมกลั้วคอสำหรับรักษาอาการร้อนใน และยังใช้ทารักษาโรคโซไรอะซิส หรือโรคเรื้อนกวาง

บร็อคโคลี่ก็ถือเป็นตระกูลเดียวกับผักกาด หรือบางคนรู้จักกันในชื่อ กะหล่ำดอกอิตาเลียน จะให้พลังงานมากกว่าผักคะน้า หัวไชโป๊ กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี(อีลุ้ย) และกวางตุ้ง

ส่วนผักกาดหอมหรือผักสลัด ในทางวิทยาศาสตร์พบว่า ผักในตระกูลนี้รักษาโรคได้ทุกโรค เป็นทั้งอาหารและยาสมุนไพรที่ให้ประโยชน์มหาศาลอย่างมาก จึงแนะนำให้รับประทานผักชนิดนี้เสมอ ซึ่งโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องการป้องกันกระดูกพรุน หูตาพร่ามัว ป้องกันมะเร็ง ในขณะที่แพทย์แผนไทยโบราณได้จัดผักกาดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง โดยน้ำต้มผักกาดสามารถใช้ดื่มแก้อาการเจ็บคอ ใช้หยอดรักษาเป็นยาล้างแผลเรื้อรัง และพ่นแก้อาการหอบหืด การนำผักกาดบดหรือกวางตุ้งบดแล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำ ให้ได้ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นเทลงไปในน้ำเดือดปริมาณ 1 ถ้วยตวง รอให้อุ่น สำหรับดื่มแทนน้ำจะช่วยเสริมพลังงาน ชะลอแก่ได้อีกด้วย

สรรพคุณ

ของผักกาดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากลวกใบผักกาดขาว ตัดเป็นท่อน ๆ โรยด้วยเกลือ น้ำส้ม น้ำตาล เหยาะน้ำมันงาบริสุทธิ์ 1 ช้อนชา หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วทานกับข้าวต้มทุกวัน จะช่วยให้ฟื้นตัวจากไวรัสตับอักเสบบีได้รวดเร็ว และถ้านำผักกาดเขียวปลี 1 กิโลกรัมกับแห้วสดครึ่งกิโลกรัม ต้มดื่มเป็นน้ำชา แล้วบีบมะนาวลงไปด้วย ยังจะช่วยขับปัสสาวะและลดความร้อนในร่างกาย ป้องกันโรคนิ่วได้อีกด้วย ประโยชน์มหาศาลแบบนี้ไม่ทานไม่ได้แล้ว



หลายท่านคงรู้จัก “กล้วย” ซึ่งมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลของกล้วย ซึ่งมีรสชาติหวานอร่อยแล้ว ส่วนอื่นๆ ของต้นกล้วยก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ใช้สอยได้อีกหลายอย่าง ตั้งแต่ใบกล้วยหรือใบตอง ลำต้น หรือแม้กระทั่งหัวปลี

กล้วยน้ำว้า
เป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งที่ต้องบอกว่ามีประโยชน์เกินกว่าที่เราจะคาดถึงเลยทีเดียว ซึ่งผลกล้วยน้ำว้าสุก 1 ผลนั้น มีประโยชน์ ดังนี้
สามารถให้พลังงานแก่ร่างกายของเราได้ประมาณ 60 กิโลแคลอรี่ เป็นพลังงานที่ได้จากน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า โดยมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คือ ซูโครส ฟรุกโตส และกลูโคส
ส่วนแร่ธาตุและวิตามินในกล้วยน้ำว้านั้น มีทั้ง แมกนีเซียม โพแทสเซียม ที่สามารถช่วยป้องกันโรคความดัน วิตามินบี 6 ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน มีวิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี และพบวิตามินเอมากที่สุดในบรรดากล้วยทั้งหลายอีกด้วย
ที่พิเศษสุดก็คือ ในกล้วยน้ำว้าจะมีโปรตีนอยู่ด้วย โดยมีทั้งกรดอมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก และเพราะว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แบบนี้เอง คุณพ่อคุณแม่จึงให้เด็กๆ กินกล้วยน้ำว้าบดเป็นอาหารอย่างแรกๆ ก่อนที่จะลองให้กินอาหารชนิดอื่นเมื่อโตขึ้น



สรรพคุณทางยาของกล้วยน้ำว้า
ในผลดิบนั้นใช้รักษาอาการท้องเดิน-ท้องเสีย โดยใช้ประโยชน์จากสารแทนนินที่มีอยู่ในผลดิบของกล้วยน้ำว้า วิธีบริโภค โดยให้กินทั้งเปลือก หรือหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำไปตากแห้ง นำมาบดชงผสมกับน้ำร้อน หรือบดแล้วปั้นเป็นเม็ดกินก็ได้ และผลดิบของกล้วยน้ำว้าสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย โดยใช้กล้วยน้ำว้าดิบนำมาปอกเปลือก ฝานเอาแต่เนื้อเป็นแผ่นบางๆ ตากแดดจนแห้งกรอบแล้วบดเป็นผงละเอียด ละลายกินกับน้ำข้าวหรือน้ำผึ้งก็ได้ ซึ่งในกล้วยดิบจะกระตุ้นเซลล์เยื่อบุในกระเพาะอาหารให้หลั่งสารมิวซินออกมาเคลือบกระเพาะ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้
ส่วนในกล้วยน้ำว้าสุก สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรือเจ็บหน้าอกจากการไอแห้งๆ ลดการระคายเคืองในลำคอจากอาการไอ กล้วยน้ำว้าสุกช่วยระงับกลิ่นปากได้ โดยหลังจากตื่นนอนแล้วให้กินกล้วยน้ำว้าทันที แล้วค่อยแปรงฟัน

ไม่หมดเพียงเท่านี้ “เปลือกกล้วยน้ำว้า” ยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดหนอง และยังช่วยบรรเทาอาการคันเนื่องจากแมลงกัดต่อยได้ด้วย ประโยชน์มากขนาดนี้ ทาน วันละ ลูก สองลูก คงทำให้สุขภาพดีทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น