วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

กีต้าร์น่าเล่น +++



ประวัติความเป็นมาของกีตาร์

กีตาร์ถือเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งของมนุษย์เพียงแต่ชื่อเรียกและรูปร่างย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ละยุคสมัย ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมในแถบเปอร์เซียและตะวันออกกลางหลายประเทศต่อมาได้เผยแพร่ไปยังกรุงโรมโดยชาวโรมันหรือชาวมัวร์ จากนั้นก็เริ่มได้รับความนิยมในสเปน ในยุโรปกีตาร์มักเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูง และมีเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ที่ให้ความสนใจและศึกษาอย่างเช่น Queen Elizabeth I ซึ่งโปรดกับ Lute lซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบของกีตาร์ก็ว่าได้ แต่การพัฒนาที่แท้จริงนั้นได้เกิดจากการที่นักดนตรีได้นำมันไปแสดงหรือเล่นร่วมกับวงดนตรีของประชาชนทั่ว ๆ ไปทำให้มีการเผยแพร่ไปยังระดับประชาชนจนได้มีการนำไปผสมผสานเข้ากับเพลงพื้นบ้านทั่ว ๆ ไปและเกิดแนวดนตรีในแบบต่าง ๆ มากขึ้น

ผู้หนึ่งที่สมควรจะกล่าวถึงเมื่อพูดถึงประวัติของกีตาร์ก็คือ Fernando Sor ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อวงการกีตาร์เป็นอันมากเนื่องจาการอุทิศตนให้กับการพัฒนารูปแบบการเล่นกีตาร์เทคนิคต่าง ๆ และได้แต่งตำราไว้มากมาย ในปี 1813 เขาเดินทางไปยังปารีตซึ่งเขาได้รับความสำเร็จและความนิยมอย่างมาก จากนั้นก็ได้เดินทางไปยังลอนดอนโดยพระราชูปถัมป์ของ Duke of Sussex และที่นั่นการแสดงของเขาทำให้กีตาร์เริ่มได้รับความนิยม จากอังกฤษเขาได้เดินทางไปยังปรัสเซีย รัสเซียและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวเมืองเซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก ซึ่งที่นั่นเขาได้แต่งเพลงที่มีความสำคัญอย่างมากเพลงหนึ่งถวายแก่พระเจ้า Nicolus I จากนั้นเขาก็ได้กลับมายังปารีตจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อปี 1839 หลังจากนั้นได้มีการเรียนีการสอนทฤษฎีกีตาร์ที่เด่นชัดและสมบูรณ์มากขึ้น ทำให้กีตาร์ได้รับการพัฒนาอย่างมาก หลังจากนั้นมีอีกผู้หนึ่งที่มีความสำคัญต่อกีตาร์เช่นกันคือ Francisco Tarrega (1854-1909) ซึ่งเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนแต่ด้วยความสามารถด้านดนตรีของเขาก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จจนได้จากการแสดง ณ Alhambra Theater จากนั้นเขาได้เดินทางไปยัง Valencia, Lyons และ Paris เขาได้รับการยกย่องว่าได้รวมเอาคุณสมบัติของเครื่องดนตรี 3 ชนิดมารวมกันคือ ไวโอลิน, เปียโน และ รวมเข้ากับเสียงของกีตาร์ได้อย่างไพเราะกลมกลืน ทุกคนที่ได้ฟังเขาเล่นต่างบอกว่าเขาเล่นได้อย่างมีเอกลักษณ์และสำเนียงที่มีความไพเราะน่าทึ่ง หลังจากเขาประสบความสำเร็จใน London, Brussels, Berne และ Rome เขาก็ได้เดินทางกลับบ้านและได้เริ่มอุทิศตนให้กับการแต่งเพลงและสอนกีตาร์อย่างจริงจัง ซึ่งนักกีตาร์ในรุ่นหลัง ๆ ได้ยกย่องว่าเขาเป็นผู้ริเริ่มการสอนกีตาร์ยุคใหม่

อีกคนหนึ่งที่จะขาดไม่ได้คือ Andres Sergovia ผู้ซึ่งเดินทางแสดงและเผยแพร่กีตาร์มาแล้วเกือบทั่วโลกเพื่อให้คนได้รู้จักกีตาร์มากขึ้น (แต่คงไม่ได้มาเมืองไทยน่ะครับ) ทั้งการแสดงเดี่ยวหรือเล่นกับวงออเคสตร้า จนเป็นแรงบันดาลใจให้มีการแต่งตำราและบทเพลงของกีตาร์ขึ้นมาอีกมากมาย อันเนื่องมาจากการเผยแพร่ความรู้ในเรื่องกีตาร์อย่างเปิดเผยและจริงจังของเขาผู้นี้ นอกจากนี้ผลงานต่าง ๆ ของเขาได้ทำให้ประวัติศาสตร์กีตาร์เปลี่ยนหน้าใหม่เพราะทำให้นักีตาร์ได้มีโอกาสแสดงใน concert hall มากขึ้น และทำให้เกิดครูและหลักสูตรกีตาร์ขึ้นในโรงเรียนดนตรีอีกด้วย




สำหรับการร้องไปพร้อมกับกีตาร์ได้เริ่มมีขึ้นเมื่อสามารถปรับให้ระดับเสียงของกีตาร์นั้นเข้ากับเสียงร้องได้ ซึ่งผมเข้าใจว่าในอดีตกีตาร์มีไว้บรรเลงมากกว่าแต่เมื่อสามารถผสมผสานเสียงของกีตาร์กับเสียงร้องได้การร้องคลอไปกับกีตาร์จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น นักร้องนักกีตาร์(คือทั้งเล่นทั้งร้อง) น่าจะมาจากนักร้องในยุคกลางซึ่งเป็นชนชั้นสูงได้ปลีกตัวไปทำงานในแบบที่เป็นอิสระและอยากจะทำจึงมีการผสมกันกับรูปแบบของดนตรีพื้นบ้านมากขึ้น ซึ่งงานดนตรีจึงแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. เป็นงานประพันธ์เพื่อจรรโลกโลกหรือมีความจริงจังในทางดนตรีเพื่อการแสดงเป็นส่วนใหญ่ ก็คือเพลงคลาสสิกนั่นเอง

2. งานที่สร้างจากคนพื้นบ้านจากการถ่ายทอดจากพ่อสู่ลูกลูกสู่หลาน เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสภาพความเป็นอยู่ แสดงถึงวิถีการดำเนินชีวิต ใช้ในการผ่อนคลายจากการงานความทุกข์ความยากจน เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ อันได้มาจากประสบการณ์หรือสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวขณะนั้นจึงมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก

และโดยที่ทั้ง 2 ส่วนดังกล่าวได้มีการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้ซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลาจากอดีตถึงปัจจุบันจนมีการซึมซับเข้าไปยังเนื้อเพลงและทำนองเพลงทำให้เกิดรูปแบบของดนตรีในแบบใหม่ ๆมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในอเมริกา ผู้ที่เข้าไปอาศัยได้นำเอาดนตรีและการเต้นรำของพวกเขาเข้ามาด้วยเช่นพวกทหาร นักสำรวจ พวกเคาบอยหรือคนงานเหมืองทำให้มีการผสมผสานกันในรูปแบบของดนตรีและที่สำคัญที่สุดคือพวก อเมริกัน นิโกร ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในฐานะทาสซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดเพลงบลูส์นั่นเองซึ่งส่วนใหญ่แสดงถึงความยากลำบาก ความยากจนถ่ายทอดมาในบทเพลงสไตล์ของพวกเขาเพื่อได้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยยากและเล่นง่าย ๆ ด้วยกีตาร์กับเม้าท์ออร์แกนเป็นต้น ซึ่งเพลงบลูส์นั่นเองที่เป็นพื้นฐานของดนตรีอีกหลาย ๆ ประเภทไม่ว่าจะเป็นเพลงร็อคหรือแจ๊สในปัจจุบัน จนเดี๋ยวนี้กีตาร์มีความสำคัญกับดนตรีแทบทุกชนิด

แม้ว่ากีตาร์จะถูกสร้างมาหลายรูปแบบแต่แบบที่ถือว่าดีที่สุดคงเป็นแบบ สแปนนิช 6 สาย ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีอย่างมากทั้งด้านการประดิษฐ์และด้านเทคนิค ซึ่งสามารถใช้เล่นในงานแสดงคอนเสิร์ท(หมายถึงดนตรีคลาสสิก) หรือเล่นเพลงทั่ว ๆ ไปทำให้รูปทรงกีตาร์แบบนี้เป็นที่นิยมจนปัจจุบัน เริ่มจากในศตวรรษที่ 18 ได้มีการเปลี่ยนจากสายที่เป็นสายคู่มาเป็นสายเดี่ยวและเปลี่ยนจาก 5 สายเป็น 6 สาย ช่างทำกีตาร์ในยุคศตวรรษที่ 19 ได้ขยายขนาดของ body เพิ่มส่วนโค้งของสะโพกลดส่วนผิวหน้าที่นูนออกมา และเปลี่ยนแปลงโครงยึดภายใน ลูกบิดไม้แบบเก่าถูกเปลี่ยนเป็นแบบใหม่ ในยุคเดียวกันนี้ Fernando Sor ซึ่งได้กล่าวมาในข้างต้นแล้วเป็นผูที่พัฒนาและทำให้เครื่องดนตรีนี้เป็นที่ยอมรับและใช้ในการแสดงได้จนกระทั่งมาถึงยุคของ Andres Segovia ได้คิดดัดแปลงให้สามารถใช้กับไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นความพัฒนาอีกระดับของเพลงป๊อปในอเมริกาในช่วง 1930 กีตาร์ไฟฟ้าต้นแบบช่วงนั้นเป็นแบบทรงตันและหลักการนำเสียงจากกีตาร์ไปผสมกับกระแสไฟฟ้าแล้วขยายเสียงออกมานั้นทำให้นักดนตรีและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันซึ่งชื่อเขาพวกเรารู้จักกันดีในนามของโมเดลหนึ่งของกิ๊บสันนั่นก็คือ Les Paul ได้พัฒนาจากต้นแบบดังกล่าว มาเป็นแบบ solid body กีตาร์ หรือกีตาร์ไฟฟ้าที่เราเห็นในปัจจุบันนั่นแหละครับซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากของดนตรียุคนั้นและทำให้กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี 1940

หลังจากนั้นในต้นปี 1940 นักประดิษฐ์ชาวแคลิฟอเนียอีกคนซึ่งเราก็รู้จักชื่อเขาในนามของยี่ห้อกีตาร์ที่สุดยอดอีกยี่ห้อหนึ่งนั่นก็คือ Leo Fender เขาได้ประดิษฐ์กีตาร์และเครื่องขยายเสียงในร้านซ่อมวิทยุของเขา เขาได้สร้างเครื่องขยายเสียงแต่ขณะนั้นไม่มีปุ่มคอนโทรลต่าง ๆ เช่นปัจจุบัน และใช้กับกีตาร์ของเขาซึ่งมีปุ่มควบคุมเสียงดังเบาและทุ้มแหลมซึ่งเป็นต้นแบบกีตาร์ไฟฟ้ายุคใหม่ เขาไม่ได้หยุดแค่นั้นด้วยเทคโนโลยีขณะนั้นเขารู้ว่าเขาน่าจะดัดแปลงกีตาร์โปร่งให้สามารถใช้กับเครื่องขยายเสียงได้และความพยายามเขาก็สำเร็จจนได้ในปี 1948 และได้กีตาร์ที่ชื่อว่า Telecaster ซึ่งชื่อเดิมที่เขาใช้เรียกคือ Broadcaster แต่คำว่า tele เป็นที่ติดปากกันมากกว่าและถือว่าเป็นกีตาร์ไฟฟ้าทรงตันในรูปทรงสแปนนิสรุ่นแรกที่ซื้อขายกันในเชิงพานิชย์และได้รับความนิยมอย่างมากจนกระทั่งปัจจุบัน

ปัจจุบันสำหรับกีตาร์มีพร้อมแล้วทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรูปร่างรูปทรงประเภทต่าง ๆ ให้เลือกเล่นตามใจชอบ สไตล์เพลงหลากหลายสไตล์ โรงเรียนสอน ตำราต่าง ๆ ให้ศึกษามากมายแต่แนนอนการพัฒนาย่อมไม่มีวันหยุดไม่แน่ในอนาคตคุณอาจเป็นคนหนึ่งที่สร้างอะไรใหม่ ๆ ให้กีตาร์จนโลกต้องบันทึกไว้ก็ได้














ผักดีมีประโยชน์ เเละ ให้โทษได้เหมือนกัน จริงจริงน้าาาาาาาาาาาา ^ ^



เมื่อพูดถึงอาหารสำหรับสุขภาพ มีผักจัดอยู่ในจำพวกนีีอย่างแน่นอน อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “ผัก” นั้นให้ประโยชน์กับเรามากมาย หากแต่ว่าเรากินผักไม่ถูกวิธี ผักที่ว่าเป็นประโยชน์นั้นก็อาจจะเป็นโทษไปก็ได้

“ถั่วงอก” เรากินถั่วงอกไม่ว่าจะสุกหรือดิบ ใส่ลงในก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หรือจะนำไปผัดผัก กินแกล้มกับขนมจีนน้ำยา และอื่นๆ อีกมากมาย ในถั่วงอกนั้นมีทั้งโปรตีน วิตามินซี วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และเลซิธิน ล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้าจะเลือกกินถั่วงอกดิบก็ควรจะกินในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น เนื่องจากในถั่วงอกดิบมีสารไฟเตด ที่ส่งผลในการขัดขวางการดูดซึมสารบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย

“ถั่วฝักยาว” มีเส้นใยอาหารสูง แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน วิตามินซี และมีธาตุเหล็ก เราไม่ควรกินถั่วฝักยาวดิบมากเกินไป เพราะในถั่วฝักยาวดิบนั้นมีแก็สปริมาณมาก โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งอาจจะทำให้ท้องอืดได้ เนื่องจากกระบวนการในการย่อยเมล็ดและเปลือกของถั่วฝักยาวโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
“ผักตระกูลกะหล่ำปลี” ซึ่งได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี ซึ่งผักกลุ่มนี้จะมีสารกอยโตรเจน ซึ่งจะไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อย ในระยะยาวอาจจะเป็นโรคคอพอกได้ แต่ในระยะสั้น หากกินมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดเพราะอาหารไม่ย่อย
“หน่อไม้-มันสำปะหลัง” มีสารไซยาไนด์ ที่อยู่ในรูปของ ไกลโคไซด์ ซึ่งมีผลต่อระบบประสาท ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มึนงง หมดสติ หรืออาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจหยุดทำงานได้ ฉะนั้นควรจะนำไปปรุงสุก หรือนำไปต้มน้ำทิ้งก่อนนำมาปรุงอาหารต่อไป

สำหรับผักดิบที่กล่าวข้างต้น หากกินดิบในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่ได้เป็นพิษต่อร่างกาย การที่จะส่งผลเสียต่อร่างกายนั้น จะต้องกินผักชนิดนั้นๆ อย่างเดียว ในปริมาณที่มากเป็นกิโลกรัมหรือมากกว่านั้น เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน แต่หากกินตามปกติในชีวิตประจำวัน กินผักหลายๆ ชนิดสลับกันไป ผักต่างๆ ก็จะกลับมาเป็นประโยชน์ให้กับร่างกายของเรา

สาระน่ารู้ ที่ควรรู้เข้ามาดูกันเยอะๆนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบ ..^____^



ผักธรรมดาที่เรานิยมนำไปประกอบอาหารอย่าง “ผักกาด” นั้น ความจริงแล้วผักชนิดนี้ถูกจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่สามารถรักษาโรคได้มากมายทีเดียว ที่หลายท่านอาจคาดไม่ถึง

ผักกาดนั้นมีอยู่สองประเภท คือ ประเภทกินใบ ได้แก่ ผักกาดขาว ผักกาดดำ และประเภทกินดอก เช่น กะหล่ำดอก ซึ่งในผักกาดจะอุดมไปด้วยสารที่ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ในอดีตมักจะคั้นเอาน้ำสด ๆ ใช้อมกลั้วคอสำหรับรักษาอาการร้อนใน และยังใช้ทารักษาโรคโซไรอะซิส หรือโรคเรื้อนกวาง

บร็อคโคลี่ก็ถือเป็นตระกูลเดียวกับผักกาด หรือบางคนรู้จักกันในชื่อ กะหล่ำดอกอิตาเลียน จะให้พลังงานมากกว่าผักคะน้า หัวไชโป๊ กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี(อีลุ้ย) และกวางตุ้ง

ส่วนผักกาดหอมหรือผักสลัด ในทางวิทยาศาสตร์พบว่า ผักในตระกูลนี้รักษาโรคได้ทุกโรค เป็นทั้งอาหารและยาสมุนไพรที่ให้ประโยชน์มหาศาลอย่างมาก จึงแนะนำให้รับประทานผักชนิดนี้เสมอ ซึ่งโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องการป้องกันกระดูกพรุน หูตาพร่ามัว ป้องกันมะเร็ง ในขณะที่แพทย์แผนไทยโบราณได้จัดผักกาดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง โดยน้ำต้มผักกาดสามารถใช้ดื่มแก้อาการเจ็บคอ ใช้หยอดรักษาเป็นยาล้างแผลเรื้อรัง และพ่นแก้อาการหอบหืด การนำผักกาดบดหรือกวางตุ้งบดแล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำ ให้ได้ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นเทลงไปในน้ำเดือดปริมาณ 1 ถ้วยตวง รอให้อุ่น สำหรับดื่มแทนน้ำจะช่วยเสริมพลังงาน ชะลอแก่ได้อีกด้วย

สรรพคุณ

ของผักกาดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากลวกใบผักกาดขาว ตัดเป็นท่อน ๆ โรยด้วยเกลือ น้ำส้ม น้ำตาล เหยาะน้ำมันงาบริสุทธิ์ 1 ช้อนชา หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วทานกับข้าวต้มทุกวัน จะช่วยให้ฟื้นตัวจากไวรัสตับอักเสบบีได้รวดเร็ว และถ้านำผักกาดเขียวปลี 1 กิโลกรัมกับแห้วสดครึ่งกิโลกรัม ต้มดื่มเป็นน้ำชา แล้วบีบมะนาวลงไปด้วย ยังจะช่วยขับปัสสาวะและลดความร้อนในร่างกาย ป้องกันโรคนิ่วได้อีกด้วย ประโยชน์มหาศาลแบบนี้ไม่ทานไม่ได้แล้ว



หลายท่านคงรู้จัก “กล้วย” ซึ่งมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลของกล้วย ซึ่งมีรสชาติหวานอร่อยแล้ว ส่วนอื่นๆ ของต้นกล้วยก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ใช้สอยได้อีกหลายอย่าง ตั้งแต่ใบกล้วยหรือใบตอง ลำต้น หรือแม้กระทั่งหัวปลี

กล้วยน้ำว้า
เป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งที่ต้องบอกว่ามีประโยชน์เกินกว่าที่เราจะคาดถึงเลยทีเดียว ซึ่งผลกล้วยน้ำว้าสุก 1 ผลนั้น มีประโยชน์ ดังนี้
สามารถให้พลังงานแก่ร่างกายของเราได้ประมาณ 60 กิโลแคลอรี่ เป็นพลังงานที่ได้จากน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า โดยมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คือ ซูโครส ฟรุกโตส และกลูโคส
ส่วนแร่ธาตุและวิตามินในกล้วยน้ำว้านั้น มีทั้ง แมกนีเซียม โพแทสเซียม ที่สามารถช่วยป้องกันโรคความดัน วิตามินบี 6 ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน มีวิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี และพบวิตามินเอมากที่สุดในบรรดากล้วยทั้งหลายอีกด้วย
ที่พิเศษสุดก็คือ ในกล้วยน้ำว้าจะมีโปรตีนอยู่ด้วย โดยมีทั้งกรดอมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก และเพราะว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แบบนี้เอง คุณพ่อคุณแม่จึงให้เด็กๆ กินกล้วยน้ำว้าบดเป็นอาหารอย่างแรกๆ ก่อนที่จะลองให้กินอาหารชนิดอื่นเมื่อโตขึ้น



สรรพคุณทางยาของกล้วยน้ำว้า
ในผลดิบนั้นใช้รักษาอาการท้องเดิน-ท้องเสีย โดยใช้ประโยชน์จากสารแทนนินที่มีอยู่ในผลดิบของกล้วยน้ำว้า วิธีบริโภค โดยให้กินทั้งเปลือก หรือหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำไปตากแห้ง นำมาบดชงผสมกับน้ำร้อน หรือบดแล้วปั้นเป็นเม็ดกินก็ได้ และผลดิบของกล้วยน้ำว้าสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย โดยใช้กล้วยน้ำว้าดิบนำมาปอกเปลือก ฝานเอาแต่เนื้อเป็นแผ่นบางๆ ตากแดดจนแห้งกรอบแล้วบดเป็นผงละเอียด ละลายกินกับน้ำข้าวหรือน้ำผึ้งก็ได้ ซึ่งในกล้วยดิบจะกระตุ้นเซลล์เยื่อบุในกระเพาะอาหารให้หลั่งสารมิวซินออกมาเคลือบกระเพาะ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้
ส่วนในกล้วยน้ำว้าสุก สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรือเจ็บหน้าอกจากการไอแห้งๆ ลดการระคายเคืองในลำคอจากอาการไอ กล้วยน้ำว้าสุกช่วยระงับกลิ่นปากได้ โดยหลังจากตื่นนอนแล้วให้กินกล้วยน้ำว้าทันที แล้วค่อยแปรงฟัน

ไม่หมดเพียงเท่านี้ “เปลือกกล้วยน้ำว้า” ยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดหนอง และยังช่วยบรรเทาอาการคันเนื่องจากแมลงกัดต่อยได้ด้วย ประโยชน์มากขนาดนี้ ทาน วันละ ลูก สองลูก คงทำให้สุขภาพดีทีเดียว

เเต่งรูปง่ายๆ หลากหลายทางเลือก .......^________^

โปรแกรมแต่งรูป ออนไลน์ สุดยอด 10 อันดับ พร้อมวิธีใช้

November 26 2015
2233
 
โปรแกรมแต่งรูป ออนไลน์ สุดยอด 10 อันดับ หลังที่ App แต่งรูป iPhone 10 อันดับได้เสียงตอบรับจากเพื่อนๆ เป็นอย่างดี ที่นี้มาดูการเรียบเรียงโปรแกรมแต่งรูป ออนไลน์ ไว้ให้กับเพื่อนได้เลือกใช้ โดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดมาลงเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ลำบาก สามารถแต่งรูปออนไลน์ได้ ไม่แพ้โปรแกรมในคอมเลยที่เดียว มาเริ่มกันเลย
1

Camera 360 PC

โปรแกรมแต่งรูป ภาพ Camera 360 PC เป็นโปรแกรมแต่งรูป ภาพ ออนไลน์ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ PC ที่สุดเจ๋ง ที่ไม่ต้องเสียเวลาโหลดโปรแกรมมาติดตั้งบนเครื่อง ความสามารถแต่งภาพของ 360 นั้นก็มีภาพแบบสไตล์ Enhance, Magic Skin, Warm, B&W (Black and White), Purple,Light Color,LUMO และ Rainbow
วิธีใช้งาน Camera 360 PC คลิก >>
Camera 360 PC
2

Pixlr o-Matic

Pixlr o-Matic ถือเป็นอีกหนึ่งเว็บสุดเจ๋งในการแต่งรูปภาพออนไลน์ ด้วยความสามารถใช้งานง่ายมาก คล้ายกับ camera360 เพื่อนๆ ลองเข้าไปใช้งานกันได้
วิธีใช้งาน Pixlr o-Matic คลิก >>
Pixlr o Matic
3

XiuXiu Online

โปรแกรมแต่งรูปจีน สามารถแต่งแบบออนไลน์ได้แล้ว ไม่ต้องดาวน์โหลดความสามารถเหมือนกันทุกประการ สามารถแต่งปากส้ม ปากแดง ลบสิว ทำผิวขาว ลบริวรอย ทำกรอบรูป ได้อีกด้วย
วิธีใช้ XiuXiu Online
xiuxiu online
4

PicMonkey

เว็บไซต์ PicMonkey นี้จะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถตัด, ใส่กรอบรูป ทำให้ขาวขึ้น หมุนคมชัดปรับขนาดการปรับเปลี่ยนแสงและสีภาพของเพื่อน. โดย “ปรับอัตโนมัติ”
PicMonkey
5

iPiccy

iPiccy
6

BeFunky

BeFunky
7

FotoFlexer

FotoFlexer
8

PiZap

PiZap
9

Lunapic

Lunapic
10

Pho.to

Pho.to

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

การถ่ายถอดความคิดในการแก้ปัญหาโดยการใช้รหัสจำลอง พร้อม 1 ตัวอย่าง

เป็นรหัสคำสั่งที่ใช้เขียนเลียนแบบคำสั่งโปรแกรมอย่างย่อ รหัสจำลองจะใกล้เคียงกับภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ เช่น

การถ่ายถอดความคิดโดยการแก้ปัญหาในการเขียนบรรยาย พร้อม 1 ตัวอย่าง

เป็นการถ่ายทอดความคิดโดยการเขียนคำบรรยายเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารกันทั่วไป
จงเขียนแผนผังสำหรับคำนวณหาพื้นที่วงกลม ทั้งนี้ให้รับค่ารัศมี และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ทางเครื่องพิมพ์
รายละเอียดของปัญหา : คำนวณหาพื้นที่วงกลม
การวิเคราะห์ : ขั้นตอนคำนวณหาพื้นที่วงกลม จากสูตร พื้นที่วงกลม = πr²
การออกแบบขั้นตอนวิธี : 
1.ข้อมูลออก หรือผลลัพธ์ คือ พื้นที่วงกลม แทนด้วย Area
2.ข้อมูลเข้า คือ รัศมี แทนด้วย r
3.วิธีการประมวลผลดังนี้

Creative chapter3 on mind mapping style